วันอังคารที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2555


ธนาคารกรุงเทพ จับมือ 4 ธนาคารเมียนมาร์ ขยายเครือข่ายเสริมสำนักงานผู้แทนที่ได้รับใบอนุญาตมากกว่า 17 ปี
21 สิงหาคม 2555

ธนาคารกรุงเทพ ขยายเครือข่ายในประเทศเมียนมาร์ จับมือ 4 ธนาคารเอกชนชั้นนำ เปิดให้บริการด้านธุรกรรมทางการเงินแก่ลูกค้านักธุรกิจในประเทศไทยและต่างประเทศ พร้อมให้บริการแก่ลูกค้าบุคคลที่ประสงค์โอนเงินไปยังเมียนมาร์ เสริมการให้บริการผ่านสำนักงานผู้แทนที่ธนาคารกรุงเทพได้รับใบอนุญาตจากรัฐบาลเมียนมาร์
มากว่า 17 ปี นับตั้งแต่ปีพ.ศ.2538 ส่งผลให้ปัจจุบันจำนวนเครือข่ายของธนาคารกรุงเทพในเมียร์มาร์ประกอบด้วย สำนักงานตัวแทนในย่างกุ้ง 1 แห่ง ธนาคารของรัฐ 2 แห่ง และธนาคารเอกชนสัญชาติเมียนมาร์ 4 แห่ง ที่พร้อมให้บริการและสนับสนุนการดำเนินงาน

นางวัลลภา กลิ่นประทุม ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารกรุงเทพได้ขยายความร่วมมือกับธนาคารเอกชนชั้นนำของประเทศเมียนมาร์ จำนวน 4 แห่ง ประกอบด้วย Asia Green Development Bank Ltd., Ayeyarwaddy Bank Ltd., Co-operative Bank Ltd. และ Kanbawza Bank Ltd. เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าของธนาคารในการทำธุรกรรมการค้า การลงทุน และการโอนเงินให้กับคู่ค้าในประเทศเมียนมาร์ โดยความร่วมมือกับธนาคารทั้ง 4 แห่งในครั้งนี้ ส่งผลให้ธนาคารกรุงเทพมีจำนวนธนาคารเครือข่ายในเมียนมาร์เพิ่มขึ้นเป็น 6 แห่ง จากเดิมที่มีธนาคารของรัฐบาล 2 แห่ง ได้แก่ Myanmar Foreign Trade Bank และ Myanmar Investment and Commercial Bank ซึ่งเป็นพันธมิตรอยู่ก่อนแล้ว

"การขยายเครือข่ายธนาคารตัวแทนในเมียนมาร์ของธนาคารกรุงเทพเป็น 6 แห่งในครั้งนี้ จะช่วยเสริมการให้บริการผ่านสำนักงานผู้แทนที่ธนาคารกรุงเทพได้รับใบอนุญาตจากรัฐบาลเมียนมาร์มากว่า 17 ปี นับตั้งแต่ปี
พ.ศ.2538 ให้ครอบคลุมเพิ่มมากยิ่งขึ้น ด้วยประสบการณ์และเครือข่ายที่มีมาอย่างยาวนานในประเทศนี้ทำให้ธนาคารสามารถให้บริการแก่ลูกค้าที่มีธุรกิจในเมียนมาร์ หรือที่กำลังวางแผนเริ่มทำธุรกิจในเมียนมาร์ ให้
สามารถทำธุรกรรมทางการเงินได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้น อีกทั้งความร่วมมือนี้ยังเป็นการเตรียมพร้อมรับกระแสความสนใจของนักลงทุนจากทั้งในภูมิภาคและทุกประเทศทั่วโลกที่ต้องการเข้าไปลงทุนในเมียนมาร์ ตลอดจนความพร้อมในการจัดตั้งประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ที่กำลังจะเกิดขึ้นในปีพ.ศ.2558 นี้"

นางวัลลภา กล่าวเพิ่มเติมว่า นับต่อจากนี้ไปการโอนเงินจากไทยไปยังเมียนมาร์จะสะดวกรวดเร็วและง่ายยิ่งขึ้น พร้อมกันนี้ลูกค้าของสาขาธนาคารกรุงเทพในประเทศจีน ญี่ปุ่น รวมไปถึงทุกประเทศในอาเซียน ก็สามารถรับความสะดวกสบายในการโอนเงิน ซึ่งจะช่วยให้ทำการค้ากับคู่ค้าในเมียนมาร์ได้ง่ายและคล่องตัวมากยิ่งขึ้น

ธนาคารกรุงเทพ ยังคงดำเนินยุทธศาสตร์สำหรับธุรกิจในต่างประเทศโดยเน้นการขยายเครือข่ายตามการขยายธุรกิจของลูกค้า และนับตั้งแต่ธนาคารได้เปิดสาขาต่างประเทศแห่งแรกในฮ่องกงเมื่อกว่า 50 ปีที่แล้ว ธนาคารได้พัฒนาและขยายเครือข่ายสาขาต่างประเทศอย่างต่อเนื่องจนมีความแข็งแกร่ง และมั่นคงอยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และสามเหลี่ยมเศรษฐกิจของจีน โดยเครือข่ายสาขาต่างประเทศของธนาคารมีบทบาทสำคัญในการให้การสนับสนุนลูกค้าที่ขยายธุรกิจไปยังตลาดใหม่ๆ ซึ่งธนาคารกรุงเทพนับเป็นธนาคารไทยเพียงแห่งเดียวที่มีเครือข่ายสาขาต่างประเทศและสำนักงานผู้แทนที่กว้างขวางถึง 26 แห่ง ครอบคลุม 13 เขตเศรษฐกิจสำคัญทั่วโลก ซึ่งรวมถึงสำนักงานตัวแทนในเมียนมาร์






ธนาคารกรุงเทพและเซ็นทรัลรีเทล ประสบความสำเร็จในฐานะเจ้าภาพจัดประชุมสภาธุรกิจอาเซียน-ประเทศไทย
21 สิงหาคม 2555

นายทศ จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทเซ็นทรัลรีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (ที่ 7 จากขวา) และนายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (ที่ 6 จากซ้าย)ในฐานะประธานร่วมสภาธุรกิจอาเซียน (เอบีซี) ประเทศไทย ให้การต้อนรับนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประเทศไทย (ที่ 8 จากซ้าย) มร.จอร์จ โหย่ว รองประธานกลุ่มเคอร์รี่ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และอดีตรัฐมนตรีกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรม ประเทศสิงคโปร์ (ที่ 8 จากขวา) ดาโต๊ะ ศรี นาเซียร์ ราซัค ประธานบริหาร กลุ่ม ซีไอเอ็มบี (ที่ 6 จากขวา) ในโอกาสร่วมเป็นวิทยากรในการประชุมโต๊ะกลมอาเซียน-ประเทศไทย และงานเลี้ยงอาหารค่ำของสภาธุรกิจอาเซียน (ASEAN Business Club) หรือ เอบีซี ซึ่งเป็นการจัดกิจกรรมครั้งแรกในประเทศไทยที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี โดยมีคณะกรรมการและคณะผู้แทนสภาธุรกิจอาเซียน ผู้แทนระดับสูงของรัฐบาลไทย ผู้นำภาคอุตสาหกรรมและธุรกิจ
ชั้นนำ ได้ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในประเด็นที่น่าสนใจของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนและสถานการณ์ธุรกิจในประเทศไทย

ความร่วมมือในการสร้างความไว้วางใจ คือ กุญแจไขความสำเร็จของเออีซี
15 สิงหาคม 2555

นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในระหว่างการประชุม
โต๊ะกลมอาเซียน-ประเทศไทย จัดโดยสภาธุรกิจอาเซียน หรือเอบีซี (ASEAN Business Club) ว่าประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนจะประสบความสำเร็จหากประเทศสมาชิกร่วมแรงร่วมใจในการสร้างความไว้วางใจในระดับประชาชนทั่วภูมิภาค เขากล่าวย้ำถึงพันธะกรณีของรัฐบาลไทยต่ออาเซียน และได้คำแนะนำถึงวิธีปฏิบัติจะช่วยให้บูรณาการทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาคที่แผ่ขยายมากขึ้นสามารถยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยได้ เขาได้กระตุ้นให้สภาธุรกิจอาเซียนพัฒนาความสัมพันธ์และความไว้วางใจในระหว่างนักธุรกิจในประเทศสมาชิก
อาเซียน และให้พวกเขามีสัมพันธ์มากขึ้นกับผู้กำหนดนโยบาย

สภาธุรกิจอาเซียน ซึ่งเปิดตัวในเดือนตุลาคม 2554 ได้จัดกิจกรรมเป็นครั้งแรกในประเทศไทยเมื่อวานนี้ โดยจัดการประชุมโต๊ะกลมและงานเลี้ยงอาหารค่ำที่โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพ โดยมีประธานร่วมของเอบีซีประเทศไทย คือ คุณทศ จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทเซ็นทรัลรีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด และคุณชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ ร่วมประชุมกับผู้แทนระดับสูงของรัฐบาลไทย
ผู้บริหารของธนาคารแห่งประเทศไทย และผู้นำภาคอุตสาหกรรมและธุรกิจชั้นนำเข้าร่วม คือ คุณพยุงศักดิ์
ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย คุณพงษ์ศักดิ์ อัสสกุล ประธานหอการค้าไทยและประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย คุณธวัชชัย ยงกิตติกุล เลขาธิการสมาคมธนาคารไทย และคุณบัณฑิต นิจถาวร ประธานสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย

สมาชิกของคณะผู้แทนของเอบีซีในปัจจุบันยังประกอบด้วย มร.นาซีร์ ราซัค ประธานบริหาร กลุ่มซีไอเอ็มบี
มร.แพทริค วาลูโจ กรรมการผู้จัดการร่วม บริษัทนอร์ธสตาร์ อิควิตี้ พาร์ทเนอร์ส มร.อัซมิล ซารุดดิน กรรมการบริหาร ฝ่ายการลงทุน บริษัทคาร์ซานา นาซิองนาล มร.วิน วิน ทินท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทซิตี้ มาร์ท โฮลดิ้ง จำกัด และมร.จอห์น ปัง ประธานบริหารสภาธุรกิจอาเซียน

คณะผู้แทนของเอบีซีได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นในประเด็นที่น่าสนใจของประชาคมเศรษฐกิจเออีซี และสถานการณ์ธุรกิจในประเทศไทยระหว่างการสนทนาโต๊ะกลมร่วมกันกับผู้แทนระดับสูงของรัฐบาลไทย และผู้นำของสมาคมอุตสาหกรรมและธุรกิจของไทย

"อาเซียน คือ โอกาสทอง" คุณทศ จิราธิวัฒน์ กล่าว "ภาครัฐและเอกชนของอาเซียนควรทำงานร่วมกันเพื่อยกระดับความอยู่ดีกินดีของประชาชนในภูมิภาคนี้" คุณชาติศิริ โสภณพนิช ได้กล่าวสนับสนุนว่า "ความแตกต่างในการพัฒนาของประเทศสมาชิกอาเซียนเป็นโอกาสที่แต่ละประเทศจะมีบทบาทในการสร้างเสริมซึ่งกันและกัน แต่ประเทศสมาชิกต้องค้นหาวิธีการในการทำงานร่วมกัน"

มร.จอร์จ โหย่ว รองประธานกลุ่มเคอร์รี่ และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และอดีตรัฐมนตรีกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมของสิงคโปร์ ได้กล่าวตอนหนึ่งในการปาฐกถาระหว่างการเลี้ยงอาหารค่ำถึงความสำคัญของอาเซียนที่เป็นกลุ่มประเทศที่อยู่ตรงกลางระหว่างประเทศอินเดียและจีน และมีการผสมผสานของวัฒนธรรมจากทั้งสองประเทศ เขากล่าวความสัมพันธ์ที่พอกพูนขึ้นภายในกลุ่มอาเซียนและระหว่างกลุ่มกับอินเดียและจีนจะเป็นแรงขับเคลื่อนการเติบโตของภูมิภาค ซึ่งการที่จะฉวยโอกาสนี้ได้อาเซียนสามารถสร้างบูรณาการในกลุ่มให้เป็นจริงได้ และด้วยการสร้างเครือข่ายทางการค้าและการลงทุนในภุมิภาค ภาคธุรกิจเอกชนมีบทบาทที่เป็นกุญแจสำคัญในการส่งเสริมบูรณาการของภูมิภาคนี้



ธนาคารกรุงเทพ มอบคอนโดมิเนียมหรู มูลค่ากว่า 2 ล้านบาท ครั้งที่ 2 แก่ลูกค้าผู้โชคดี โครงการ "สมัครบัตรเครดิต ลุ้นรับคอนโดตากอากาศ The Energy Hua Hin"


นางมยุรี ตันติภนา เจ้าหน้าที่บริหารระดับ Vice President ฝ่ายการตลาดบัตรเครดิต (ขวา) ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) และ นางสุปรียา ลัดดากลม ผู้อำนวยการฝ่ายขาย (ซ้าย) บริษัทบ้านราชประสงค์ จำกัด ร่วมมอบรางวัลแก่นางสาวเจน จงสถิตย์วัฒนา (กลาง) ลูกค้าบัตรเครดิตธนาคารกรุงเทพ ผู้โชคดีจากโครงการ "สมัครบัตรเครดิตธนาคารกรุงเทพ ลุ้นรับคอนโดตากอากาศ The Energy Hua Hin" ครั้งที่ 2 ขนาด 31.78 ตารางเมตร มูลค่า 2,174,000 บาท ทั้งนี้ สำหรับธนาคารจะทำการจับรางวัลครั้งต่อไปซึ่งเป็นครั้งที่ 3 จะมีขึ้นในวันที่ 30 สิงหาคม 2555 รวมมูลค่า 6,522,000 บาท สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธนาคารกรุงเทพทุกสาขาทั่วประเทศ หรือบริการบัวหลวงโฟน โทร.1333



ครงการ "บูรณปฏิสังขรณ์สถานที่ประสูติของพระพุทธเจ้า ณ ลุมพินีสถาน ประเทศเนปาล"

เพื่อร่วมถวายเป็นพุทธบูชา ในวโรกาสที่พระพุทธศาสนามีอายุครบ 2,600 ปี ในปี พ.ศ. 2555 และเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในวโรกาส
มหามงคล 60 ปีราชาภิเษก และ 84 พรรษามหาราชา
ขอเชิญพุทธศาสนิกชนชาวไทยร่วมทำบุญหล่อองค์ "พระพุทธเจ้าน้อย" เพื่อนำไปประดิษฐาน ณ ลุมพินีสถาน ประเทศเนปาล ด้วยการบริจาคเงิน 99 บาท พร้อมจารึกชื่อของท่านบนแผ่นทอง ซึ่งทำพิธีมหาพุทธาภิเษก
ยิ่งใหญ่ โดยคณะสงฆ์จาก 9 ประเทศ จำนวน 164 รูป ณ มณฑลพิธีภายในมหาวิหารมายาเทวี ลุมพินีสถาน ประเทศเนปาล
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม โทร. 0-2971-7575 หรือดูรายละเอียดได้ที่เว็บไซต์ www.lumbinidevelopment.org
การแสดงดนตรี งาน "สายสัมพันธ์สองแผ่นดิน" ครั้งที่ 5

มูลนิธิจุฬาภรณ์ ขอเชิญผู้สนใจร่วมชมการแสดงดนตรี งาน 'สายสัมพันธ์สองแผ่นดิน' ครั้งที่ 5 ศ.ดร.สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ฯ ทรงเครื่องดนตรี 'กู่เจิง' ในงาน พร้อมชมการแสดงทางวัฒนธรรมไทย-จีน
ระหว่างวันที่ 17 - 24 สิงหาคม 2555 เวลา 19.00 น. ซื้อบัตรได้ที่ไทยทิกเก็ตเมเจอร์ หรือสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ โทร. 0-2574-0622 หรือศาลากลางจังหวัดขอนแก่น หรือศาลากลางจังหวัดสงขลา
รายได้สมทบทุนมูลนิธิแพทย์อาสาสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี (พอ.สว.)

วันเสาร์ที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2555

วันที่ 5  เดือน สิงหาคม 2555


7เดือนเงินเฟ้อพุ่ง2.92%

    
     พาณิชย์เผย 7เดือนราคาอาหารดันเงินเฟ้อพุ่ง2.92%ยันทั้งปีดูแลตามกรอบไม่เกิน3.8%
นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของประเทศ หรือเงินเฟ้อ เดือนก.ค.2555 เท่ากับ 115.82 สูงขึ้น 2.73% เทียบกับ ก.ค. 2554 และสูงขึ้น 0.35% เทียบกับมิ.ย.ปี2555 ส่งผลให้เงินเฟ้อ7 เดือน สูงขึ้นแล้ว 2.92% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
ขณะที่ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของประเทศ(Core CPI) เดือน ก.ค.55 อยู่ที่ 108.34 เพิ่มขึ้น 1.87% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 0.03% เมื่อเทียบกับเดือน มิ.ย.55 ส่งผลให้ Core CPI เฉลี่ย 7 เดือนของปีนี้เพิ่มขึ้น 2.30% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

     โดยดัชนีราคาสินค้าหมวดอาหารและเครื่องดื่มเดือน ก.ค.55 อยู่ที่ 140.06 เพิ่มขึ้น 5.42% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 0.47% จากเดือน มิ.ย.55

    ส่วนดัชนีราคาสินค้าที่ไม่ใช่หมวดอาหารและเครื่องดื่มเดือน ก.ค.55 อยู่ที่ 101.96 เพิ่มขึ้น 1.03% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 0.28% เมื่อเทียบกับเดือน มิ.ย.55

นายยรรยงกล่าวว่า เงินเฟ้อที่สูงขึ้นเป็นผลมาจากราคาอาการที่เพิ่มขึ้นแ ต่ยืนยันว่า เงินเฟ้อทั้งปียังเป็นไปตามกรอบ ไม่เกิน 3.8%


ที่มา:http://money.impaqmsn.com/content.aspx?id=31988&ch=227

วันที่ 4 เดือน  สิงหาคม  2555



ธปท.ชี้วิกฤติหนี้ยุโรป ลาม'บริโภค'ครึ่งปีหลัง


   แบงก์ชาติส่งสัญญาณวิกฤติยุโรปเริ่มส่งผลชัด ฉุดภาคส่งออกครึ่ง-กำลังซื้อในประเทศครึ่งปีหลังชะลอ

   นายเมธี สุภาพงษ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายนโยบายเศรษฐกิจการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ปัญหาวิกฤติหนี้สาธารณะของกลุ่มประเทศในยุโรป เริ่มส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกไทยแล้ว และคาดว่าผลกระทบนี้จะชัดเจนขึ้นช่วงครึ่งหลังของปี ส่วนจะกินระยะเวลายาวนานแค่ไหน คงต้องขึ้นกับภาพรวมของเศรษฐกิจโลก ซึ่งสำนักวิจัยทางเศรษฐกิจส่วนใหญ่ประเมินว่า เศรษฐกิจโลกปีหน้ามีแนวโน้มฟื้นตัว

   "ครึ่งปีแรกเศรษฐกิจยังพอไปได้ แต่ครึ่งปีหลังอาจชะลอลง ดังนั้น ผลกระทบจริงๆ คงเป็นครึ่งปีหลัง ซึ่งตอนนี้เริ่มเห็นผลกระทบต่อภาคการส่งออกบ้างแล้ว และผลกระทบในระยะต่อไปคงชัดเจนขึ้น" นายเมธี กล่าวในการแถลงข่าวเศรษฐกิจและการเงินเดือน มิ.ย. และไตรมาส 2 ปี 2555

   นอกจากส่งผลต่อภาคการส่งออกแล้ว ยังมีแนวโน้มว่าจะส่งผลกระทบต่ออุปสงค์หรือกำลังซื้อในประเทศ ช่วงครึ่งปีหลังด้วย ประกอบกับการใช้จ่ายเพื่อซ่อมแซม หรือซื้อเครื่องจักรมาทดแทนการผลิตในช่วงครึ่งปีหลัง จะเริ่มลดน้อยลง ทำให้ภาพรวมอุปสงค์ จากทั้งในและต่างประเทศชะลอตัวลงตามไปด้วย

   เศรษฐกิจไตรมาส 2 มีแนวโน้มชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับไตรมาสแรกที่เติบโต 11% อย่างไรก็ตาม หากเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน จะเติบโตเพิ่มขึ้น ส่วนตัวเลขที่ชัดเจนจะแถลงอย่างเป็นทางการในวันที่ 3 ก.ค.นี้

3 กลุ่มใหญ่การผลิตลดลง

   สำหรับตัวเลขเศรษฐกิจเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา พบว่ามีการขยายตัวที่ชะลอลง โดยเป็นผลจากวิกฤติหนี้กลุ่มประเทศยุโรป ที่เริ่มส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกที่ชัดเจนขึ้น โดยเดือน มิ.ย.ภาคส่งออกติดลบ 4.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และยังส่งผลให้การผลิตภาคอุตสาหกรรมที่เน้นผลิตเพื่อการส่งออกหดตัวลงตามไปด้วย โดยดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรมหดตัว 9.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทำให้กำลังการผลิตลดลงมาอยู่ที่ 72.4% จากเดือนก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ 74.3%

   "การผลิตที่ลดลงส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟ ซึ่งลดลง 31.4% หลอดอิเล็กทรอนิกส์และส่วนประกอบลดลง 41.4% การผลิตรถยนต์ยังขยายตัวดีอยู่ที่ 40.3% ซึ่งเป็นผลจากการที่ผู้ผลิตยังเร่งส่งมอบรถยนต์ เพื่อตอบสนองความต้องการซื้อที่สะสมจากช่วงก่อนหน้านี้ที่อยู่ระดับสูง" นายเมธีกล่าว

ที่มา:
http://money.impaqmsn.com/content.aspx?id=31976&ch=227