"
หนี้" คำนี้ยังเป็นคำแสลงใจอยู่ทุกยุคทุกสมัย
บางคนเพิ่งเริ่มต้นคบหากับ
หนี้ บางคนใช้ชีวิตอยู่กับ
หนี้มาได้ระยะหนึ่งแล้ว บางคนอยู่กับ
หนี้มาเกือบทั้งชีวิต
ถึงจะประกาศเสียงดังฟังชัดว่าจะกำจัด
หนี้ออกจากชีวิตแล้ว แต่ทำอีท่าไหนก็ไปไม่พ้นชีวิตสักที
ลองมาฟังคำแนะนำจาก 10 กูรูการเงิน ที่ Fundamentals ฉบับนี้รวบรวมวิธีการดีท็อกซ์
หนี้ออกจากชีวิต แล้วลองนำไปปรับประยุกต์ใช้ดู เผื่อจะผลักไส
หนี้ออกจากชีวิตได้ซะที
***
Oเริ่มจากจิตใจที่เข้มแข็ง
"ฤดี ปติอารยกุล" ผู้จัดการกองทุนอาวุโส บลจ.แอสเซท พลัส แนะนำคนที่อยากดีท็อกซ์
หนี้ออกจากชีวิต ว่าต้องเริ่มต้นที่จิตใจที่เข้มแข็งของคนที่เป็น
หนี้ เนื่องจากการจะชำระ
หนี้สินให้หมดสิ้นนั้น ผู้ที่เป็น
หนี้จะต้องมีวินัยทางการเงินที่เข้มงวดและชัดเจน อีกทั้งต้องใช้ความอดทนในการปรับเปลี่ยนแผนการดำรงชีวิตใหม่เพื่อปลดภาระ
หนี้ ซึ่งเริ่มต้นง่ายๆ
โดยการทำบัญชีรายรับรายจ่ายประจำเดือน และ ประจำปี รวมทั้ง บัญชียอดรวม
หนี้สินทั้งหมดพร้อมดอกเบี้ยทั้งหมด เพื่อให้เห็นตัวเลข
หนี้สินที่ชัดเจนและเห็นเป็นรูปธรรม พยายามค้นหาข้อมูลทางการเงินใหม่ๆ เพิ่มเติม ซึ่งอาจใช้เป็นวิธีการรีไฟแนนซ์ยอด
หนี้เดิม เพื่อเป็นลดภาระทางด้านดอกเบี้ย โดยพยายามค้นหาแหล่งเงินทุนที่มีดอกเบี้ยต่ำ จากนั้นจัดลำดับการใช้
หนี้ โดยเลือกชำระ
หนี้ที่มีภาระดอกเบี้ยสูงเป็นอันดับต้นๆ และสุดท้าย คือ ต้องพยายามหารายได้เพิ่มจากการประกอบอาชีพเสริม รวมทั้งเรียนรู้การลงทุนเพิ่มเติมเพื่อสร้างรายได้
Oปรับใจตัวเอง “ห้าม” คิดว่า “ทำไม่ได้”
"เสกสรร โตวิวัฒน์" ผู้อำนวยการกลุ่มกลยุทธ์องค์กร บลจ.บัวหลวง มองว่าการจัดการ
หนี้สิน สิ่งแรก คือการปรับใจตนเอง “ห้าม” คิดว่า “ทำไม่ได้” แม้ว่าจะยังนึกไม่ออกเลยว่าจะปลด
หนี้ได้ยังไง กำลังใจสำคัญที่สุด โดยเฉพาะกำลังใจจากหัวใจของตนเองและครอบครัว เริ่มต้นด้วยการทำบัญชี
หนี้สินพร้อมรายละเอียดทั้งหมด ทรัพย์สิน รวมถึงรายรับรายจ่ายแต่ละเดือนว่ามีอะไรบ้าง เพื่อประเมินสถานะภาพการเป็น
หนี้ และกำลังการจ่ายให้ได้เสียก่อน ต่อมา ก็ต้องจัดลำดับ
หนี้สินที่สร้างปัญหาให้มากที่สุด เช่น เกินกำหนดชำระแล้ว เสียดอกเบี้ยอัตราสูง
หนี้สินที่ทบต้นตลอดเวลา หรือมีเจ้า
หนี้เงินกู้คอยทวงเช้าทวงเย็น จัดเป็นเป้าหมายลำดับแรกที่ต้องจัดการ และดำเนินการ ก่อ
หนี้เพื่อลด
หนี้ โดยเลือกก่อ
หนี้ใหม่ เพื่อนำมาลด
หนี้ที่สร้างปัญหาเฉพาะหน้า เช่นเปลี่ยน
หนี้นอกระบบเข้ามาเป็น
หนี้ในระบบ เปลี่ยน
หนี้บัตรเครดิตที่มีอัตราดอกเบี้ยจ่ายแท้จริงสูง มายังบัตรเครดิตอื่นที่อัตราจ่ายต่ำกว่า จากนั้นขอให้หาทาง เจรจาเจ้า
หนี้ หนี้สินหลายอย่างโดยเฉพาะ
หนี้ในระบบ พอที่จะเจรจากับเจ้า
หนี้ เพื่อยืดระยะเวลาการชำระให้นานออกไป เพื่อแก้ปัญหาเรื่องกระแสเงินสดในการจ่าย
หนี้ต่อเดือน
สุดท้าย นั่นคือ เปลี่ยนทรัพย์สินเป็นเงิน เงินทองเป็นของนอกกาย ไม่ตายก็หาใหม่ได้ คนเป็น
หนี้หลายคนไม่คาดคิดว่าทรัพย์สินในบ้านที่เห็นอยู่ทุกวัน ก็สามารถแปรสภาพเป็นเงินเพื่อมาชำระ
หนี้ได้อย่างไม่น่าเชื่อ เมื่อถึงเวลานั้น ขอให้นึกเสียว่า ทรัพย์สินที่อยากเก็บไว้เป็นความสุขทางใจ แต่การลด
หนี้ได้ก็ปลดทุกข์สร้างสุขในใจขึ้นมาได้เช่นกัน
"
หนี้ไม่ใช่สิ่งเลวร้าย หากรู้จักก่อและรู้จักจ่ายในระดับที่เหมาะสม ทั้งยังช่วยให้การบริหารเงินเกิดประโยชน์สูงสุดได้"
Oคิดกำจัด
หนี้ต้องหยุดสร้าง
หนี้เพิ่ม
"พจณี คงคาลัย" SVP บริหารความสัมพันธ์และการขาย สายลูกค้าบุคคล ธนาคารกรุงเทพ บอกว่า อันดับแรกต้องหยุดก่อ
หนี้เพิ่มอย่างเด็ดขาด ต้องสัญญากับตัวเองว่าจะไม่ก่อ
หนี้เพิ่ม สำรวจภาระ
หนี้สินทั้งหมด ว่ามีประเภทใดบ้าง ทำตารางแจกแจงรายละเอียดให้ชัดเจน
หนี้ ธนาคาร นอนแบงก์
หนี้นอกระบบ ยอด
หนี้ อัตราดอกเบี้ย ยอดการผ่อนชำระเรียงจากดอกเบี้ยสูงไปต่ำ เพื่อจะได้จัดการชำระก่อนหลังได้ถูกต้อง ถ้าสามารถทำได้ให้โอน
หนี้นอกระบบ เข้าอยู่ในระบบเพื่อลดภาระเรื่องดอกเบี้ย
จากนั้น เจรจากับเจ้า
หนี้ขอแฮร์คัต ขอลดดอกเบี้ย ลดยอดผ่อนชำระ ฯลฯ พร้อมจัดทำแผนการชำระ
หนี้กับเจ้า
หนี้ และชำระ
หนี้อย่างมีวินัย ลดรายจ่ายที่จำเป็นให้เหลือน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ เลิกรายจ่ายที่ไม่จำเป็นทุกชนิด เพื่อให้เหลือเงินมาชำระ
หนี้ให้มากที่สุด และเมื่อได้เงินก้อนใหญ่ เช่นโบนัสหรือ เงินตกเบิกต่างๆ ให้รีบนำไปชำระ
หนี้ให้มากที่สุด
Oหยุดเป็นทาสเงิน-สร้างรากแก้วแห่งสุข
"ดร.สมจินต์ ศรไพศาล" นายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน กรรมการผู้จัดการ บลจ.ทหารไทย เชื่อว่ารากเหง้าของ
หนี้สินเกิดจากความเป็น "ทาสของเงิน" ความเป็นทาสของเงิน ดูได้จาก การที่เราโหยหาเงินตลอดเวลา เมื่อได้เงินมาแล้ว ก็ร้อนรุ่มอยากออกไปใช้จ่ายเงิน เพื่อซื้อของ "ซื้อความสุข" ใช้เงินหมดแล้วก็โหยหาเงินใหม่ บางครั้งแม้ต้องกู้
หนี้ยืมสินจ่ายดอกเบี้ยแพงๆ ก็ยอม เป็นอาการเสพติดความสุขจากการใช้เงิน
"วิธี DETOX ที่สำคัญก็คือ การสร้างรากแก้วแห่งความสุขที่ไม่ต้องใช้เงินซื้อ เมื่อเราได้เริ่มสร้างรากแก้วแห่งสันติสุขที่ลุ่มลึก จากการเรียนรู้และเติบโต ใช้เวลากับครอบครัวที่อบอุ่น ชื่นชมธรรมชาติที่งดงาม ดื่มด่ำกับธรรมะและใกล้ชิดพระเจ้า และที่สำคัญคือได้อิ่มใจกับการแบ่งปันด้วยความรักแล้ว เราย่อมจะสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตสลัดพิษจากความเป็นทาสของเงิน มาสู่ความเป็นไท และไปสู่เสรีภาพที่แท้จริงเป็นนายของเงินได้ในไม่ช้า"
Oกำหนดวันล้าง
หนี้ที่แน่นอนในปฏิทิน
"ดร.พิมพ์เพ็ญ ลัดพลี" ผู้อำนวยการส่วนพัฒนาตลาดตราสาร
หนี้รัฐบาล สำนักพัฒนาตลาดตราสาร
หนี้ สำนักงานบริหาร
หนี้สาธารณะ (สบน.) มองว่าการมี
หนี้สินพะรุงพะรังนานหลายปี เป็นบ่อเกิดของการ “จมปลัก” อยู่ในวงจรอุบาทว์ ยิ่งนานวันยิ่งหลุดพ้นได้ยาก สำหรับ
หนี้ที่เกิดจากความฟุ่มเฟือย เช่น
หนี้บัตรเครดิตและ
หนี้นอกระบบ ซึ่งเป็น
หนี้ที่มีวงเงินไม่สูงมากแต่มีอัตราดอกเบี้ยสูง วิธีการดีท็อกซ์ คือ หยุดก่อ
หนี้เพิ่มและทยอยผ่อนชำระในวงเงินที่สูงขึ้น โดยต้องกำหนดวันล้าง
หนี้ที่แน่นอนในปฏิทินไว้เตือนความจำเสมอ เพราะ
หนี้ที่เกิดจากความฟุ่มเฟือยมักมาจากการไม่วางแผนการใช้จ่าย การไม่ใช้เงินสด และการไม่ทำบัญชีรายรับรายจ่าย นั่นเอง
แต่สำหรับ
หนี้ที่เกิดจากการลงทุนเกินกำลัง เช่น
หนี้ที่เกิดจากสินเชื่อที่อยู่อาศัยหรือการลงทุนในธุรกิจเพื่อเก็งกำไร ซึ่งแม้อาจเป็น
หนี้ดีแต่มักเป็น
หนี้ที่มีวงเงินสูงและมีการผ่อนชำระในระยะยาว ดังนั้น เมื่อเวลาผ่านไป เงื่อนไขของสินเชื่อประเภทนี้อาจไม่เหมาะสมกับฐานะการเงินและกระแสรายได้ในปัจจุบันก็เป็นได้ ซึ่งวิธีการดีท็อกซ์ คือ การปรับโครงสร้าง
หนี้ ไม่ว่าจะเป็นการชำระคืนเงินต้นบางส่วน การขอปรับอัตราดอกเบี้ยในฐานะลูกค้าชั้นดี
Oใช้กลยุทธ์ “ลดต้น ลดดอก”
"โชติกา สวนานนท์" กรรมการผู้อำนวยการ บลจ.ไทยพาณิชย์ เห็นด้วยกับคำกล่าวที่ว่า “การไม่มี
หนี้ เป็นลาภอันประเสริฐ” โดยกลยุทธ์ที่จะแนะนำสำหรับผู้ที่มีชีวิตอยู่กับ
หนี้มาหลายปีแล้วอยากจะขจัด
หนี้ออกไปจากชีวิต หลักการง่ายๆ คือ “ลดต้น ลดดอก” ของ
หนี้ที่มีให้เร็วที่สุด เพราะดอกเบี้ยจะทำให้
หนี้พอกพูน ควรนำเงินที่หามาได้จากการทำงานไปลงทุนเพื่อใช้
หนี้ โดยต้องกล้าเสี่ยงให้มากขึ้นกว่าเดิม กระจายพอร์ตการลงทุนไปสินทรัพย์เสี่ยงบ้าง ต้องตั้งเป้าหมายไว้ว่าเมื่อได้กำไรเท่าไหร่จะ take profit และจะต้องนำเงินไปชำระ
หนี้ทันที กำจัด
หนี้ออกไปจากชีวิตให้เร็วที่สุด
ดังนั้นข้อควรปฏิบัติง่ายๆ คือ 1. อย่าทำงานใช้
หนี้อย่างเดียว ควรให้เงินทำงานช่วยเราด้วย 2. อย่านำเงินไปลงทุนในตลาดตราสาร
หนี้เพียงอย่างเดียวเพราะดอกเบี้ยเงินฝากหรือดอกเบี้ยตราสาร
หนี้มักจะต่ำกว่าดอกเบี้ยเงินกู้เสมอ
O"หยุด..ขาย...ลด..หา"
"บุญชัย เกียรติธนาวิทย์" กรรมการผู้จัดการ บลจ.ธนชาต แนะว่าถ้าอยากจะปลด
หนี้ ให้ออกไปจากชีวิต เร็วๆ อย่างแรก "หยุด" ก่อ
หนี้ใหม่ก่อน ไม่มี
หนี้ใหม่ ก็จะมีภาระแค่เคลียร์
หนี้เก่าให้หมดไปตามกำลังที่มีอยู่ในปัจจุบัน จากนั้น "ขาย ขาย และขาย" คือ ขายทรัพย์สินเพื่อเปลี่ยนเป็นเงินสด เอาไปใช้หรือลด
หนี้ ต้องคิดเสียว่า ไม่ตายก็หาใหม่ได้ หรือมีของเท่าที่จำเป็นเท่านั้นก็พอ อันนี้ไปพิจารณากันเองว่า พอของแต่ละคนเป็นอย่างไร แต่อยากให้คิดว่า ขายเพื่อลดภาระ
หนี้ เป็นหลักก่อนความพอของตัวเอง
ถัดมาคือ "ลด..ลด..ลด" คือ ลดค่าใช้จ่ายที่ใช้ประจำวันลงได้อีกไหม อันนี้ อาจถึงขั้นต้องเปลี่ยนพฤติกรรมความเป็นอยู่เลยก็ว่าได้ ทั้งนี้ เพื่อลดรายจ่าย เอาเงินมาโปะใช้
หนี้กัน เสร็จแล้วก็ "หา..หา..หา" คือ หาทางที่จะเพิ่มรายได้ของตัวเอง อันนี้ ก็ขึ้นอยู่กับความรู้ความสามารถของตัวเองง่ายสุดก็คือ ทำงานพิเศษอะไรที่เกี่ยวกับหรือใกล้เคียงกับความชำนาญของตัวเองหรืองานที่ตัวเองทำอยู่ ซึ่งน่าจะมีโอกาสเป็นไปได้มากที่สุด
Oเปลี่ยนความคิด-ตั้งสมการใหม่
"นริศ อจละนันท์" ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต แนะวิธีดีท็อกซ์
หนี้ออกจากชีวิตว่า ต้องเปลี่ยนความคิด ตั้งสมการใหม่ “รายได้ - เงินออม = รายจ่าย” เมื่อมีรายได้ หักเงินส่วนที่จะเก็บออมไว้เลย ที่เหลือค่อยใช้จ่าย วิธีนี้จะทำให้เรามีเงินเก็บออมได้ในระยะยาว รวมถึงไม่เกิด
หนี้สินที่ไม่จำเป็น ในเวลาเดียวกันต้องกำหนดแผนค่าใช้จ่าย โดยจะต้องใช้จ่ายอย่างสมเหตุสมผล ตามความจำเป็น แยกแยะให้ได้ระหว่าง “อยากได้ หรือ จำเป็น” ซึ่งจะทำให้เราสามารถลดค่าใช้จ่ายลงได้
ขณะเดียวกัน จ่ายบัตรเครดิตเต็มจำนวน เคร่งครัดต่อ
หนี้สิน และต้องไม่ลืมทำสมุดรายรับรายจ่าย จดค่าใช้จ่ายต่างๆ ให้ละเอียด เพื่อให้รู้สถานการณ์ทางด้านการเงินของเรา ขณะเดียวกันต้อง ทบทวนค่าใช้จ่ายสม่ำเสมอ เพื่อให้รู้ว่าเราได้จ่ายอะไรไปบ้าง สุดท้ายทำประกันคุ้มครอง
หนี้สิน เพราะเราคงไม่สามารถคาดเดาได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคต แต่อย่างไรก็ตามเราสามารถมั่นใจได้ว่า ไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์ใดๆ คนที่เรารักจะสามารถอยู่ได้เป็นปกติ โดยไม่มีภาระ
หนี้สิน
Oวางแผนใช้จ่ายเงินอย่างมีวินัย
"พวรรณ์ นววัฒนทรัพย์" รองประธานกรรมการ บริษัท วายแอลจี บริษัท บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล เห็นว่าคนที่มี
หนี้ต้องกลับมาเริ่มวางแผนการใช้จ่ายเงินอย่างมีวินัยและเป็นสเต็ป เริ่มจากการวิเคราะห์รายได้ในแต่ละเดือน ว่ามาจากส่วนใดบ้าง เพื่อให้ทราบถึงรายได้ที่ชัดเจน ขณะเดียวกันต้องสำรวจค่าใช้จ่ายทั้งหมดเพื่อแยกออกเป็น Need กับ Want และคำนึงถึงส่วนที่จำเป็นก่อน พอเราพูดถึง ความจำเป็น กับ ความต้องการ เราต้องกลับมาพิจารณาอีกว่าในส่วนที่เป็น ความจำเป็น สำหรับเรานั้นในเรื่องใดสำคัญกว่ากัน ส่วนไหนจำเป็นที่สุด ส่วนไหนรอได้
"คนมี
หนี้ต้องพยายามจัดความคิดให้มีมองมุมเชิงบวก เพราะจะได้มีกำลังใจที่ดีและแข็งแรง พร้อมสำหรับการแก้ไขปัญหา"
Oขจัดพิษจาก
หนี้ด้วยวิธี “คิดบวก”
"อำพล โพธิ์โลหะกุล" ประธานกรรมการบริหาร บลจ.กสิกรไทย แนะว่า จะขจัดพิษ
หนี้ต้องเริ่มจาก “คิดบวก” เป็นพื้นฐาน หมายถึงคิดให้ถูกทางว่า
หนี้จะหมดไปได้ก็ด้วยการจัดสรรรายรับมาชำระ
หนี้อย่างมีวินัย โดยไม่พยายามหาทางปิด
หนี้ก้อนหนึ่งแต่กลับไปก่อ
หนี้เพิ่ม ทั้ง
หนี้นอกระบบและการใช้บัตรเครดิตใบหนึ่งมาจ่าย
หนี้ของอีกใบ ซึ่งล้วนแล้วแต่จะทำให้เราตกอยู่ในวังวน
หนี้สินแบบไม่สิ้นสุด เว้นเสียแต่ว่าการก่อ
หนี้ใหม่เพื่อชำระ
หนี้เดิมนั้นจะมีภาระดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า
หนี้เก่า ในกรณีที่การผ่อนชำระเริ่มเป็นปัญหาหนักขึ้นอาจต้องพิจารณาโยกย้าย
หนี้มาสู่แหล่งเงินกู้ที่ช่วยลดภาระดอกเบี้ยลง ลองเจรจาขอปรับโครงสร้าง
หนี้เพื่อหาวิธีการผ่อนชำระที่สามารถจะทำได้ รวมถึงหาแหล่งรายได้เพิ่มขึ้นเพื่อเพิ่มความสามารถในการชำระ
หนี้ของตนเอง ซึ่งอาจหมายถึงการหารายได้พิเศษเพิ่มหรือลดรายจ่ายในแต่ละเดือนลง
คำถามที่น่าสนใจกว่าคือ “ทำอย่างไรถึงจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างพอเพียง มีความสุข และไม่ต้องเป็น
หนี้” ซึ่งถือว่าเป็นอีก “วิธีคิดบวก” ที่จะช่วยเพิ่มภูมิต้านทานภาวะ
หนี้และเพิ่มความมั่นคงทางการเงิน โดยต้องมีวินัยในการบริหารรายจ่ายให้ไม่เกินไปกว่ารายรับ รู้จักแบ่งสรรรายรับเป็นส่วนๆ และต้องไม่ลืมจัดสรรเงินไว้ออมก่อนใช้จ่ายเสมอ
ที่มา http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/finance/personal/20120610/455668/10-กูรูการเงินกับ-10-ไม้เด็ด--ดีท็อกซ์หนี้ออกจากชีวิต.html