วันเสาร์ที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2555

วันที่ 4 เดือน  สิงหาคม  2555



ธปท.ชี้วิกฤติหนี้ยุโรป ลาม'บริโภค'ครึ่งปีหลัง


   แบงก์ชาติส่งสัญญาณวิกฤติยุโรปเริ่มส่งผลชัด ฉุดภาคส่งออกครึ่ง-กำลังซื้อในประเทศครึ่งปีหลังชะลอ

   นายเมธี สุภาพงษ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายนโยบายเศรษฐกิจการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ปัญหาวิกฤติหนี้สาธารณะของกลุ่มประเทศในยุโรป เริ่มส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกไทยแล้ว และคาดว่าผลกระทบนี้จะชัดเจนขึ้นช่วงครึ่งหลังของปี ส่วนจะกินระยะเวลายาวนานแค่ไหน คงต้องขึ้นกับภาพรวมของเศรษฐกิจโลก ซึ่งสำนักวิจัยทางเศรษฐกิจส่วนใหญ่ประเมินว่า เศรษฐกิจโลกปีหน้ามีแนวโน้มฟื้นตัว

   "ครึ่งปีแรกเศรษฐกิจยังพอไปได้ แต่ครึ่งปีหลังอาจชะลอลง ดังนั้น ผลกระทบจริงๆ คงเป็นครึ่งปีหลัง ซึ่งตอนนี้เริ่มเห็นผลกระทบต่อภาคการส่งออกบ้างแล้ว และผลกระทบในระยะต่อไปคงชัดเจนขึ้น" นายเมธี กล่าวในการแถลงข่าวเศรษฐกิจและการเงินเดือน มิ.ย. และไตรมาส 2 ปี 2555

   นอกจากส่งผลต่อภาคการส่งออกแล้ว ยังมีแนวโน้มว่าจะส่งผลกระทบต่ออุปสงค์หรือกำลังซื้อในประเทศ ช่วงครึ่งปีหลังด้วย ประกอบกับการใช้จ่ายเพื่อซ่อมแซม หรือซื้อเครื่องจักรมาทดแทนการผลิตในช่วงครึ่งปีหลัง จะเริ่มลดน้อยลง ทำให้ภาพรวมอุปสงค์ จากทั้งในและต่างประเทศชะลอตัวลงตามไปด้วย

   เศรษฐกิจไตรมาส 2 มีแนวโน้มชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับไตรมาสแรกที่เติบโต 11% อย่างไรก็ตาม หากเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน จะเติบโตเพิ่มขึ้น ส่วนตัวเลขที่ชัดเจนจะแถลงอย่างเป็นทางการในวันที่ 3 ก.ค.นี้

3 กลุ่มใหญ่การผลิตลดลง

   สำหรับตัวเลขเศรษฐกิจเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา พบว่ามีการขยายตัวที่ชะลอลง โดยเป็นผลจากวิกฤติหนี้กลุ่มประเทศยุโรป ที่เริ่มส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกที่ชัดเจนขึ้น โดยเดือน มิ.ย.ภาคส่งออกติดลบ 4.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และยังส่งผลให้การผลิตภาคอุตสาหกรรมที่เน้นผลิตเพื่อการส่งออกหดตัวลงตามไปด้วย โดยดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรมหดตัว 9.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทำให้กำลังการผลิตลดลงมาอยู่ที่ 72.4% จากเดือนก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ 74.3%

   "การผลิตที่ลดลงส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟ ซึ่งลดลง 31.4% หลอดอิเล็กทรอนิกส์และส่วนประกอบลดลง 41.4% การผลิตรถยนต์ยังขยายตัวดีอยู่ที่ 40.3% ซึ่งเป็นผลจากการที่ผู้ผลิตยังเร่งส่งมอบรถยนต์ เพื่อตอบสนองความต้องการซื้อที่สะสมจากช่วงก่อนหน้านี้ที่อยู่ระดับสูง" นายเมธีกล่าว

ที่มา:
http://money.impaqmsn.com/content.aspx?id=31976&ch=227

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น